“ผมอยากเล่นฟุตบอล จนร่างกายของผมมันได้บอกกับผมว่า คุณจะวิ่งไม่ได้อีกต่อไป เพราะคุณกำลังจะตาย” นี่คือคำพูดของ นักเตะที่ขึ้นชื่อว่าเบอร์ 1 ของเอเชียในเวลานี้ “ซอน เฮือง มิน” สโมรสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส
ถ้าใครหลายคนได้ติดตามชีวิตของเจ้าหนุ่มแดนโสมคนนี้ ไม่ว่าจะทางช่องทางต่าง ๆ เช่นดูบอลออนไลน์ ดูบอลสด หรือเสริจกูเกิ้ล เพื่อติดตามชีวิตเขา ก็จะได้รู้ได้เลยว่า ความทุ่มเทตั้งแต่เด็ก ๆ ของเจ้าตัวนั้น ที่ถูกคุณพ่อเขี้ยวเข็นมา ผมว่ามันคุ้มค่าแล้วกับที่เขาถูกแฟนบอล หรือบรรดาเพื่อนร่วมทีมยอมรับว่าเป็นนักเตะต้น ๆ ของพรีเมียร์ลีกในตอนนี้
ซอน เกิดที่เมืองกังวอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยเขาถูกฟูมฟักมาจากคุณพ่อของเขาซึ่งเคยเป็นอดีตนักฟุตบอล แล้วได้เข้าสู่เส้นทางฟุตบอลกับอะคาเดมี่ “เอฟซี โซล” และเขาได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการที่สมาคมลูกหนังเกาหลีใต้สนับสนุนดาวรุ่งฝีเท้าดีให้ออกไปเรียน และฝึกทักษะลูกหนังกับสโมสรชั้นนำของยุโรป ก็คือ “Korean FA Youth Project”
ก่อนที่ ซอน จะได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของ “สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก” สโมสรดังของเยอรมนี ตอนอายุ 16 ปี
สัญญาฉบับแรกของ ซอน ก็มาถึงเขาได้เซ็นสัญญากับทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี และก็โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นด้วยการ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของฮัมบูร์ก ที่ยิงประตูในบุนเดสลีกาได้ด้วยวัยเพียง 18 ปี 3 เดือน 22 วัน
อาร์มิน เฟห์ กุนซือฮัมบูร์กในช่วงนั้น เคยกล่าวถึงแข้งโสมคนนี้ว่า “ซอน เฮือง มิน คือดาวรุ่งที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา”
หลังจากโชว์ผลงานในเวทีบุนเดสลีกาได้อย่างแจ่มแมว ซอน ก็ถูกหลายสโมสรรุมจีบ ซึ่งเป็นทาง “เลเวอร์คูเซ่น” ที่เห็นความสามารถเด็กหนุ่มเกาหลีคนนี้ ก็กระชากตัวไปร่วมทีม และเป็นค่าตัว 10 ล้านยูโร แพงที่สุดของสโมสรในเวลานั้น
ผลงาน ซอน กับทีมใหม่อย่าง เลเวอร์คูเซ่น ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เขาสามารถซัลโวประตูไป 29 ลูกจาก 87 นัดในทุกรายการ เป็นสถิติดาวรุ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว ก่อนเขาจะถูกซื้อตัวข้ามลีกมายังทีมปัจจุบันของเขาในปัจจุบันนี้อย่าง สเปอร์ส ซึ่งการย้ายทีมครั้งนั้นเขาก็ขึ้นแท่นเป็นนักเตะเอเชียที่มีค่าตัวแพงที่สุดด้วยมูลค่า 30 ล้านยูโร แซงหน้า ฮิเดโตชิ นากาตะ อดีตนักเตะทีมชาติญี่ปุ่น ที่ย้ายจากโรม่า ไปยัง ปาร์ม่า ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร เมื่อปี 2001
เจ้าหนู ซอน ในเวลานั้น เขาก็แสดงศักยภาพตนเองขึ้นมาเรื่อย ๆ เขาได้ฝึกฝนทักษะตัวเองทุก ๆ วัน และฟิตร่างกายให้พร้อมเสมอ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณมาเล่นที่ลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก แล้วความฟิตของร่างกายไม่ถึงนั้น คุณไม่สามารถที่จะเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผมต้องเข้ายิม สร้างกล้ามเนื้อตัวเองเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์ 100% เพราะการใช้ร่างกาย เพื่อเล่นในพรีเมียร์ลีก มันสำคัญมาก ๆ”
ช่วงมาแรก ๆ คนในทีมอาจจะยังไม่ได้ให้การยอมรับกับนักเตะเอเชียมากเท่าไร แต่เขาไม่เคยย่อท้อ และตั้งใจซ้อม มุ่งมั่น เพื่อตัวเอง และอนาคต เพราะโอกาสมักไม่เคยรอใคร เราต้องเข้าไปหาโอกาสเอง ซึ่ง ซอน ก็ได้มีโอกาสลงสนามมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้โชว์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช้ของปลอม
เขาสามารถเลี้ยงหลบนักเตะไซค์ยุโรปคนแล้วคนเล่า แล้วเข้าไปจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม ฟอร์มของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสื่อเริ่มจับตามอง และเพื่อนร่วมทีมให้การยอมรับ ซึ่งตอบไม่ได้เลยว่า ในตอนนั้นเขาสามารถพาทีมไปถึงนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ แต่ทำได้แค่เป็นพระรอง ซึ่งน้อยคนนักที่นักเตะเอเชียจะก้าวไปถึงจุดนั้น แต่ ซอน ทำได้
“เขาเหมือนเป็นคนละคน เขาโตขึ้น และรู้จักลีกนี้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้เขาปรับตัวให้เข้ากับทีมได้อย่างสุดวิเศษ” ก่อนที่จะจบซีซั่น 2016 – 2017 ด้วยผลงานกระหน่ำไปถึง 21 ประตูจากทุกรายการ
ในปัจจุบัน เขากลายมาเป็นเดอะ แบก ให้กับสโมสร ด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อใครหลายคน หลาย ๆ ทีมบิ๊กเนมเข้ามาสู่ขอซื้อตัวกันเต็ม แต่เขาก็ยังคงเลือกอยู่ที่เดิม
ซอน เฮือง มิน ในตอนนี้ไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ซอนในตอนนี้คือซุปเปอร์สตาร์ประจำพรีเมียร์ลีกไปแล้ว ตอบไม่ได้เลยว่าถ้าเขาได้มีโอกาสย้ายทีมอีกครั้ง ไม่ต้องคิดเลยว่ามูลค่าจะมากขึ้นขนาดไหน ต้องขอบคุณตัวเขาเองที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับฟุตบอล มันคุ้มค่าแล้วในชีวิตนี้ เพราะ “ฟุตบอลก็ได้ให้ชีวิตเขาเหมือนกัน”
