Skip to content

2 ทีมขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาในช่วง 5 ปีหลังก็คือ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

2 ทีมขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาในช่วง 5 ปีหลังก็คือ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

2 ทีมขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาในช่วง 5 ปีหลังก็คือ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

จะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีมานี้ฟุตบอลลีกอังกฤษ พรีเมียร์ลีก จะมีหลาย ๆ สโมสรเบียดลุ้นแชมป์ขึ้นมา โดยถ้าย้อนกลับไปแต่ก่อน ก็จะมีแค่ “บิ๊กโฟร์” เท่านั้น

แต่สมัยนี้มีหลาย ๆ ทีมพัฒนาระบบการฝึกซ้อม หรือเลือกซื้อตัวผู้เล่นที่เหมาะสมกับทีม และจำนวนงบที่จำกัด ทำให้เปลี่ยนจาก “บิ๊กโฟร์” มาเป็น “บิ๊กซิกซ์”

และพอเข้าสู่ยุคใหม่จะสังเกตได้ว่าจะมีอยู่ 2 ทีมขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาในช่วง 5 ปีหลังก็คือ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล

ตั้งแต่ปี 2017 ที่เชลซีได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ก็ไม่มีทีมไหนขึ้นมาเป็นแชมป์ได้อีกเลย เพราะปี 2018 ถึง ปัจจุบัน เป็นแมนฯ ซิตี้ที่คว้าแชมป์ไปถึง 4 ครั้ง จาก 5 ปีหลังสุด และอีก 1 ครั้งก็คือลิเวอร์พูล

ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกของสโมสรในรอบ 30 ปี จะเห็นได้ว่า การคว้าแชมป์แต่ละครั้งของทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูลนั้นแต้มคะแนนมักจะสูสี และสู้กันจนนัดสุดท้ายเสมอ

ในปัจจุบันซึ่งถ้าในลีก แมนฯ ซิตี้ ไม่มี ลิเวอร์พูล ก็คงจะได้แชมป์แบบสบายทุก ๆ ปี เช่นกันถ้า ลิเวอร์พูล ไม่มี แมนฯ ซิตี้ ในลีก ก็คงจะได้แชมป์มากกว่า 1 ครั้งแน่นอน(นับเฉพาะยุคเจอเก้นส์ คล็อปป์)

ก็เปรียบเสมือน เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ถ้าในยุค 2 คนนี้ เกิดมาไม่พร้อมกัน ก็คงมีเพียงคนเดียวที่โดดเด่นที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่ชีวิตจริงก็จะเป็นแบบนี้ จะมีคนอีกคนมาแข่งขันกับเราเสมอ และเปรียบเทียบว่า ใครเก่งที่สุดในโลก

ก็เหมือนกันอย่างทั้ง 2 ทีมนี้ ที่ผลักดันซึ่งกันและกัน โดยใช้มาตรฐานฟุตบอลที่สูงมาก เพราะหากทีมนึงพลาดนั้นหมายความว่าอีกทีมจะต้องก้าวขึ้นมาบนจุดสูงสุดแทน 

ผมในฐานะแฟนบอลจึงได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดของของ 2 ทีมนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันคือกำไรของเราที่ได้ดูฟุตบอลที่เข้มข้นและ 2 ทีมนี้จะถูกพูดถึงในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไปอีกนานแสนนาน

#ดูบอลสดออนไลน์ #ดูบอลออนไลน์ #ดูบอลออนไลน์ฟรี #ดูบอลสด #ตางบอล #ตารางบอลสด #ผลบอลสด #หวยออนไลน์